Benu ร้านอาหารมิชลินสตาร์ ที่ผสนผสานความเป็นตะวันตกและตะวันออกไว้ได้อย่างลงตัว

ไข่เยี่ยวม้าที่ทำจากไข่นกกระทา เสิร์ฟมาพร้อมกับซุปข้น (potage) สีเขียวที่ทำมาจากกะหล่ำปลี เบคอน ครีม และซุปไก่ ผสมกับ ซาวครีมที่มีส่วนผสมของขิง นี่คืออาหารเรียกน้ำย่อยจากร้าน Benu ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ 3 ดวงในซาน ฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา

จุดเด่นของเมนูนี้ คือการผสมผสานเทคนิคการทำอาหารระหว่างโลกตะวันออก และโลกตะวันตก การนำไข่มาแช่ในน้ำที่เป็นด่างเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน หรือการทำไข่เยี่ยวม้า เป็นวิธีการถนอมอาหารจากประเทศจีน ซึ่งนำมาปรุงร่วมกับการทำซุปข้นหรือ potage ซึ่งเป็นอาหารตะวันตก เช่นเดียวกับ การใช้ “ขิง” ซึ่งเป็นพืชจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาทำเป็นซาวครีม ซึ่งเป็นอาหารตะวันตก

การผสมผสานกันระหว่างสองโลก ทำให้เมนูอาหารของ Benu ไม่เหมือนใคร  ไม่ต่างอะไรกับตัวตนของ Corey Lee เชฟและเจ้าของร้าน ที่ชีวิตของเขาก็เป็นส่วนผสมของความเป็นตะวันตกและตะวันออกเช่นกัน

Corey Lee เกิดที่กรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ ก่อนที่จะย้ายตามครอบครัวของเขาไปที่สหรัฐอเมริกาเมื่อตอนอายุ 5 ปี เขาเริ่มเข้าสู่วงการเชฟ ด้วยการทำงานในร้านอาหาร The French Laundry ของเชฟชื่อดังอย่าง Thomas Keller ก่อนที่จะออกมาเปิดร้านอาหารของตัวเองในชื่อ Benu ในปี 2010

การเป็นคนเอเชียในโลกตะวันตก ไม่ต่างอะไรกับอาหารของ Benu ที่มีทั้งความเป็นเอเชียและความเป็นตะวันตกอยู่ในตัวเอง อย่างเช่นเมนู Oyster, Pork Belly, Kimchi หรือ หอยนางรมและหมูสามชั้นต้มในกิมจิ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการผสนผสานที่ลงตัว

Corey ใช้กิมจิมาต้มเพื่อทำน้ำสต็อค จากนั้นก็กรองเอาแต่น้ำ จากนั้นก็ทำให้น้ำกิมจิแห้ง จนมันกลายเป็นแผ่น และเอาแผ่นนั้นใส่ในแม่พิมพ์ เพื่อให้น้ำกิมจิกลายเป็นถ้วยที่กินได้ จากนั้นก็นำน้ำกิมจิที่เหลือมาทำเป็นพูเร (puree) ก่อนที่จะเสริ์ฟพร้อมกับหมูสามชั้นต้มร้อนๆ และหอยนางรมแช่เย็น ความแตกต่างระหว่างหมูที่ร้อนและหอยที่เย็น ผสมผสานกับพูเร สร้างรสชาติที่กลมกล่อมและเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จนเป็นเมนูขึ้นชื่อของทาง Benu

การใช้เทคนิคการปรุงอาหารแบบตะวันตกกับวัตถุดิบจากตะวันออก เช่น การนำน้ำกิมจิมาทำเป็นพูเร หรือ การนำซุปข้น (potage) และซาวครีม มาปรุงรสไข่เยี่ยวม้า ของเชฟ Corey Lee ก็ไม่ต่างอะไรกับงานศิลปะของ Li Chevalier ศิลปินร่วมสมัยชาวฝรั่งเศสเชื้อสายจีน ที่นำเทคนิคของศิลปะตะวันตก มานำเสนอศิลปะแบบจีนที่ Li สร้าง

เช่นเดียวกับเชฟ Corey Lee ศิลปินสาว Li Chevalier เกิดที่ประเทศจีน ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ฝรั่งเศสในปี 1984 เมื่ออายุ 23 ปี และได้รับสัญชาติฝรั่งเศสในเวลาต่อมา Li Chevalier จบการศึกษาด้านศิลปะจากวิทยาลัยชื่อดังด้านการออกแบบอย่าง Central Saint Martins College of Arts and Design ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และมีชื่อเสียงจากงานวาดหมึกจีน ที่ใช้เทคนิคการวาดแบบสมัยใหม่ นอกจากนี้ Li ยังได้นำสื่อผสมต่างๆ เช่น ผงสี ทราย และเม็ดแร่ มาเป็นส่วนหนึ่งของงานของเธออีกด้วย

(ภาพผลงานศิลปะสื่อผสม Silence devoile โดย Li Chevalier  จาก https://galerie208.com/?arts=silence-devoile-2021&lang=en )

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “ศิลปะไร้พรมแดน” อิทธิพลของวัฒนธรรมต่างๆ ล้วนส่งผลต่องานศิลปะในชาตินั้นๆ รวมไปถึงศิลปะในชาติอื่นๆ ด้วย ไม่ต่างอะไรจากอาหารของ Benu ที่พิสูจน์ถึงความไร้พรมแดนระหว่าง “ตะวันตก” และ “ตะวันออก” ได้เป็นอย่างดี

“ถ้ามีคนมาถามผมว่า Benu เป็นร้านอาหารแบบไหน คำตอบแรกของผมเลยคือ ร้านอาหารแบบอเมริกัน ที่เปิดรับอิทธิพลจากวัฒนธรรมต่างๆ แน่นอนว่าเราได้รับอิทธิพลมาจากเอเชีย เราได้รับอิทธิพลจากตะวันตก เราได้รับอิทธิพลการทำอาหารเน้นไปที่เทคนิคการปรุง บางเมนูของเราเน้นไปที่วัตถุดิบ เราเปิดรับทุกอย่าง และนั่นคืออาหารที่เราเสิร์ฟ”

เชฟ Corey Lee

ธัญญานันต์ คูอนุพงศ์

ที่มาของข้อมูล

https://www.youtube.com/watch?v=XvcTqhX2XFE

https://www.youtube.com/watch?v=sXifJNavX6c

https://en.wikipedia.org/wiki/Corey_Lee_(chef)

https://en.wikipedia.org/wiki/Benu_(restaurant)

https://www.facebook.com/uob.th/photos/a.1057072967794521/1754553608046450/?type=3

https://en.wikipedia.org/wiki/Li_Chevalier

https://www.youtube.com/watch?v=jAEwlgLrtdg

https://www.youtube.com/watch?v=jERXF221fqE

Total
0
Shares
Prev
Age doesn’t matter

Age doesn’t matter

ศิลปะไม่เลือกอายุ – คุณยายสเปนวัยเก๋า ผู้เดบิวต์ผลงานศิลปะด้วยโปรแกรม

Next
Junji Ito

Junji Ito

จุนจิ อิโต้ มาสเตอร์แห่งความสยองขวัญสั่นประสาท เซนเซจุนจิ อิโต้ (伊藤 潤二) 

You May Also Like